กลุ่มธุรกิจชุมชนไทรโยค

ในปัจจุบันหลายคนมีความรู้สึกว่าสภาพสังคมของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก พวกเขากลัวว่าจะไม่สามารถปรับตัวกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่บุคคลธรรมดามีความสำคัญอย่างไรต่อระบบเศรษฐกิจ และอะไรคือหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐบาล เราจะมาเริ่มต้นโดยการย้อนมองกลับไปที่อดีตว่าระเบียบทางเศรษฐกิจของเยอรมันมีพัฒนาการอย่างไร

เศรษฐกิจเยอรมันในครึ่งแรกของช่วงศตวรรษที่ 20 ได้รับอิทธิพลจากสงครามโลกทั้งสองครั้ง รวมไปถึงเศรษฐกิจที่วุ่นวาย ช่วงเวลาทางการเมืองของสาธารณรัฐไวมาร์ และ การปกครองแบบเผด็จการของนาซีเนื่องจากประสบการณ์ร้ายๆจากทั้งเศรษฐกิจที่มีการวางแผนไว้ และ ตลาดเสรี ทำให้ชายสามคนนี้ พัฒนาระเบียบทางเศรษฐกิจและสังคมขึ้นมาใหม่ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักในนาม “เศรษฐกิจตลาดเพื่อสังคม”อย่างแรกเลยมันเป็น ระบบเศรษฐกิจการแข่งขัน แต่มีเป้าหมายคือ การแข่งขันที่มีความอิสระและเสรี และควบคู่ไปกับการปรับตัวทางสังคม ระบบเศรษฐกิจนี้มีชื่อเสียงภายใต้สโลแกน “ความเจริญรุ่งเรืองสำหรับทุกคน … และทรัพย์สินสำหรับทุกคน” คิดค้นขึ้นมาโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐศาสตร์คนแรกของเยอรมันตะวันตก ลูทวิช แอร์ฮาร์ท

เศรษฐกิจตลาดเพื่อสังคมมีศูนย์กลางที่ผู้คน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จะเกิดขึ้นได้เมื่อ บุคคลธรรมดา มีเสรีภาพและอิสระในการตัดสินใจ นั่นหมายความว่าทุกคนจะได้เสรีภาพและสิ่งที่หวัง แต่ต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม รัฐจะรับรองว่าทุกคนจะได้รับโอกาสในการแข่งขันในเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน ในขณะที่ให้อิสระแก่บุคคลธรรมดาและตลาด เท่าที่เป็นไปได้ ความอิสระนั้นจะถูกจำกัดเมื่อมันคุกคามการทำงานของตลาด หรือสิทธิของผู้อื่น หากตลาดเกิดความไม่ยุติธรรม รัฐสามารถเข้ามาควบคุมบริษัทที่ก่อให้เกิดปัญหา โดยใช้สิทธิของการบังคับใช้การแข่งขัน หรือเข้ามาตอบโต้เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดต่อสังคม

การแข่งขันที่เป็นไปตามกฎระเบียบจะทำให้มีผู้เข้าร่วมในตลาด ทำให้มีพื้นที่สำหรับความคิดใหม่ๆ อาชีพใหม่ๆ และ ราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ผู้คนสามารถมีส่วนร่วมในตลาดและสังคม ตัวอย่างเช่นการให้โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่กว้างขวางและเท่าเทียมกัน ก่อให้เกิดมุมมองเกี่ยวกับมนุษยชาติของชาวคริสต์ซึ่งเป็นตัวชี้นำให้เกิดหลักการของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทำให้เกิดรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล รัฐ และ สังคม

เพื่อที่จะให้ เศรษฐกิจตลาดเพื่อสังคม ประสบความสำเร็จ บุคคลจะต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้คนรอบๆเท่าที่เป็นไปได้ เมื่อบุคคลไม่สามารถจัดการปัญหาได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากชุมชนและรัฐ รัฐจะเป็นผู้จัดสรรรายได้ และให้การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจแก่ผู้ที่ประสบปัญหามากที่สุด ผู้มีรายได้มากจ่ายภาษีที่สูงกว่า แต่สำหรับผู้ที่มีความต้องการและความสามารถ จะได้รับความยืดหยุ่นที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจของพวกเขา นั่นคือจิตวิญญาณของความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ

แนวคิดของเศรษฐกิจตลาดเพื่อสังคมช่วยก่อสร้างชีวิตพลเมืองในเยอรมันมามากกว่า 70 ปี  เรายังคงสามารถใช้แนวคิดเศรษฐกิจนี้เป็นแบบแผน ตราบใดที่เรายังปรับใช้มันให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน